วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การอบรมเรื่องงานประกันฯ

โรงเรียนขามสะแกแสงโดยกลุ่มงานประกันคุณภาพการศึกษา ฝ่ายวิชาการ ได้จัดให้มีการอบรมเรื่อง "การประกันคุณภาพภายในที่เข้มแข็งเพื่อเตรียมรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 3"ตามโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาโรงเรียนขามสะแกแสง ประจำปีการศึกษา 2554 ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2554 ณ ห้องโสตทัศนศึกษา โรงเรียนขามสะแกแสง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร นายสุรชัย บุญญานุสิทธิ์ครูดีเด่น ครูต้นแบบ และครูแห่งชาติ.































































วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาจารย์เฉลิม (พระครูศีลวราภรณ์) วัดโนนเมือง อ.ขามสะแกแสง

พระครูศีลวราภรณ์ (หรือพระอาจารย์เฉลิม)แห่งวัดโนนเมือง ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสง ที่มาของบทความต่อไปนี้จาก http://www.jamrat.net/jamrathealth.aspx?blogid=78พระครูศีลวราภรณ์ เทวดาของคนยาก
ช่วยเด็กกำพร้า ไร้ที่พึ่ง พ่อแม่ติดคุก...สู่อนาคตใหม่
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
ผมเคยสัมภาษณ์พระครูศีลวราภรณ์ (เฉลิม ฐิติสีโล ) เจ้าอาวาสวัดบ้านโนนเมือง ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสงจ.นครราชสีมา ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จึงได้ทราบถึงภารกิจของท่านในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะท่านอุปการะเลี้ยงดูเด็กพร้า ไร้ที่พึ่ง ส่งเสียให้เรียนจนจบ มีงานมีการทำ
จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ผมได้เดินทางไปนมัสการท่านที่วัดโนนเมือง อ.ขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ภาพที่ผมเห็นเมื่อไปถึง เห็นท่านคลุกคลีอยู่กับเด็กๆกำพร้า
พ่อแม่ยากจน ไร้ที่พึ่ง กำลังให้เด็กๆรดน้ำขอพรจากพระผู้ใหญ่ในวัด ทราบภายหลังว่าเป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่งให้เด็กซึมซับถึงการมีความสำนึกในบุญคุณและคุณูปการณ์ของผู้มีพระคุณ
วันนั้นได้นั่งพูดคุยกับท่านแบบเปิดใจ ที่ใกล้วัดท่านเปิดสอนโรงเรียนมัธยมพุทธเกษตร เด็กที่รับเข้ามาเรียนและอุปการะจะรับเฉพาะเด็กที่มีปัญหา ๕ ประเภท คือต้องเป็น เด็กกำพร้า เด็กที่พ่อแม่หย่าร้างหรือแยกทางกัน เด็กยากจน เด็กเกเรหลงผิดดื้อและเด็กพ่อแม่ติดคุก โดยเอามาเลี้ยงดูอยู่ประจำ ให้มีโอกาสเรียนหนังสืออบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีมีคุณธรรม มีคุณภาพพึ่งพาตัวเองได้ ทางวัดจะส่งเสริมเรียนจนจบปริญญาทุกคน

ผู้ที่จบออกมาแล้วก็มีการมีงานทำ เป็นที่ถูกใจของหน่วยงาน บริษัทห้างร้านต่างๆว่าเด็กทุกคนเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ ขยันและรับผิดชอบสูง เด็กเหล่านี้เมื่อมีเวลาก็จะกลับไปช่วยสอนรุ่นน้อง จุนเจือรุ่นน้อง บางคนเรียนทางธรรมก็ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหลายแห่งก็มี

โรงเรียนพุทธเกษตรวัดโนนเมือง มีการเรียนการสอนทั้งวิชาการ คุณธรรมฝึกสมาธิ และรวมถึงอาชีพ การพึ่งพาตนเองทำการเกษตร ทำปุ๋ย ทำน้ำยาล้างจาน สบู่ การทำอิฐ เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา ปลูกผัก ปลูกเห็ด สมุนไพรการทำไร่นาสวนผสม รวมไปถึงการเก็บออม พระครูศีลวราภรณ์ ท่านล่าให้ฟังว่า ท่านเกิดที่บ้านโนนพุทรา ต.ด่านจาก อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา สมัยเด็กๆอยากเรียนหนังสือแต่ไม่ได้เรียนเนื่องจากฐานะยากจน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้อยากช่วยเหลือเด็กๆได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือให้มากๆ ด้วยความมุมานะปัจจุบันท่านเรียนจบปริญญาตรี นักธรรมชั้นเอก , อภิธรรม ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลโนนเมืองและยังได้รับรางวัลพระนักพัฒนาดีเด่นจากมูลนิธิสรรพวรรณิช โดยสมเด็จพระสังฆราชฯ รับรางวัลเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี รับปริญญาศิลปะศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์โปรแกรมชุมชนจากสถาบันราชภัฏจังหวัดนครราชสีมา หากท่านใดมีจิตศรัทธาจะร่วมบริจาคเพื่ออุปการะเด็กและอุปถัมภ์โรงเรียน บริจาคที่ ธ.กรุงเทพ สาขาโนนไทย บัญชีพุทธเกษตร ๔๘๓-๐-๑๑๕๔๐-๐ หรือจะติดต่อ พระครูศีลวราภรณ์ ๙๐ หมู่ ๑ ต.โนนเมือง อ.ขามสะแสง จ.นครราชสีมา ๓๐๒๙๐ โทร.๐๔๔-๒๔๙-๑๒๙ , ๐๘-๑๘๗๘-๒๖๕๑ โทรสาร ๐๔๔-๓๘๔-๓๕๙ วันนั้นพระครูศีลวราภรณ์ พาผมไปชมห้องสมุนไพร ซึ่งมีสมุนไพรหลากหลาย ทั้งใช้ในครัวเรือนมีน้ำยาล้างจาน สบู่ และสมุนไพรดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะวุ้นน้ำหมักชีวภาพดองน้ำผึ้ง บำรุงร่างกายดื่มแล้วทำให้มีชีวิตชีวาไม่แพ้กำลังช้างสาร
“เอ้าคุณจำรัส ลองดู” ท่านยื่นขวดขนาดขวดแบรนด์ยื่นให้พร้อมคะยั้นคะยอให้ดื่ม ผมรีบเปิดดื่มด้วยความอยากรู้
“โอ้โห้...ท่านอาจารย์รสชาติสุดยอดเลย” นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้กินวุ้นจากการหมักน้ำผลไม้ชีวภาพซึ่งผมรู้ว่ากว่าจะหมักน้ำผลไม้ชีวภาพให้เป็นวุ้นได้ต้องใช้เวลาหลายปี ลืมบอกท่านผู้อ่านว่าที่ผมกล้าดื่มเพราะโรงเรียนพุทธเกษตรวัดโนนเมือง อยู่ในการอุปถัมภ์ของมูลนิธิภูมิปัญญาสากล/ชมรมบ้านสุขภาพ ที่ตำบลบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งมี ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ เป็นผู้บริหาร
ก่อนกลับพระครูศีลวราภรณ์ ท่านได้มอบหนังสือให้ผม ๒ เล่ม เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตามแนวทางของ ดร.รสสุคนธ์
ซึ่งก็มีประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวทางนี้แล้วสุขภาพดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ

สารอาหารบำบัดเฉพาะอาการ
•สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันสูงและต่ำ ไขมัน เบาหวาน เกาต์ ไตวาย ท่านแนะนำให้กิน.....ผักปั่น
•ไตอักเสบ นอนไม่หลับ เอส. แอล. อี. ไข้หวัด สมองฝ่อ ให้กิน..น้ำ + น้ำโหระพา +น้ำข้าว+น้ำลูกเดือย+เม็ดบัว
•กล้ามเนื้ออักเสบ อัมพาต ปวดท้องเมนต์ ให้กิน....เอนไซม์ผลไม้รวม
•ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ เจ็บหน้าอก กระเพาะอาหารอักเสบ ปวดเข่า ไมเกรน ปวดเอว ชา ให้กิน … น้ำ + น้ำโหระพา + น้ำผักปั่น
•ยาแก้ปวด ให้กิน .....น้ำ + น้ำโหระพา + น้ำข้าว + น้ำผักปั่น
•ยาแก้อักเสบ ให้กิน....น้ำผึ้ง ๑ ช้อน +กระเทียม ๕ กลีบ +พริกไทย ๕ เม็ด ตำหรือปั่น จิบๆ ๕ นาที
•บำรุงสมอง ให้กิน.....สมอ มะเฟือง มะยม ตะขบ ลูกยอ มะขาม มะขามป้อม
•ทดแทนการใช้มอร์ฟีน ให้กิน....กาแฟสุขภาพ ( ปลูกใต้ต้นไม้ใหญ่ เช่น กระท้อน ลิ้นจี่ มะม่วง )
•ฟื้นฟูกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ประสาท ให้กิน.....น้ำข้าวกล้อง + น้ำลูกเดือย + เม็ดบัว
•แก้พิษ ให้กิน...มะกรูด ๑ ลูก + ลูกมะนาว ๑ ลูก + น้ำผึ้ง ๑-๒ ช้อนโต๊ะ + น้ำเอนไซม์ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ

ปวดข้อ-ปวดเข่า-ขาลีบเดินไม่ได้
ในหนังสือยังมีประสบการณ์ผู้ป่วยปวดข้อเรื้อรังและโรคกระเพาะอาหารเป็นแผล ที่หันมารักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักและนมธัญพืช ตามแนวแพทย์ทางเลือกของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ด้วย
คุณศิราณี เอกัคคตาจิต อยู่ที่บ้านธรรมรัตน์ ซอยธานี ๑๑ ถนนธานี ต.ในเมือง จ.บุริรัมย์ ภรรยา ของคุณหมอศิริพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุริรัมย์ เล่าว่า ลูกชายชื่อศักดา เอกัคคตาจิต สอบเข้าโควตาแพทย์ศิริราชได้ แต่มีปัญหาด้านสุขภาพ ยืนขาข้างเดียว เนื่องจากเจ็บที่ข้อเท้าและเข่ามาก ไปนอนโรงพยาบาลหมอให้ยาแก้ปวดแล้วดูอาการ ปรากฏว่าอาการกำเริบเจ็บขยายมาที่หัวไหล่ทั้ง ๒ ข้าง หมอวินิจฉัยว่าเข้าข่ายปวดข้อจูวีหน่ายรูมาตอย ค่อนข้างร้ายแรง ถ้าเป็นนานหลายปีก็จะพิการได้ วิธีรักษาป้องกันอาการเจ็บปวดก็มีแต่กินยาแก้ปวด แล้วลูกก็มีอาการเป็นแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย จุกปวดกระเพาะอาหารขนาดหนักเพราะกินยาแก้ปวด กินยาเคลือบกระเพาะอาหารเต็มที่ก็ยังปวดอยู่ หมอรักษาก็บอกให้คุณแม่ทำใจ
ต่อมาก็ได้เจาะเลือด ค่า อี.เอส.อาร์อยู่ระหว่าง ๕๐-๙๐ มม./ชม. ซึ่งค่าปกติจะไม่เกิน ๒๐ มม./ชม. กินยาจนหูอื้อก็ไม่ดีขึ้น จึงไปอยู่กับหลวงพ่อที่วัดเขาน้อย เพื่อทำจิตใจให้สงบ ปรากฏว่าช่วงนี้ขาเริ่มลีบเพราะเจ็บข้อเท้าเดินไม่ได้ต้องนอนอยู่กับที่
อยู่มาวันหนึ่ง ดร.พรพรรณ และคุณแฉซึ่งเป็นญาติกับอาจารย์นิศา เชนะกุลได้มากราบหลวงพ่อที่วัดเขาน้อย พบเห็นลูกชายที่ป่วยอยู่จึงแนะนำให้กินน้ำนมธัญพืชและน้ำผักปั่น โดยกินน้ำนมธัญพืชก่อนอาหาร วันละ ๑ แก้ว และน้ำผักปั่นวันละ ๔-๕ แก้ว กินได้ ๒๐ วัน ก็ได้ไปเจาะเลือดดูปรากฏว่า ค่า อี.เอส.อาร์ลดลงเหลือ ๓๖ มม./ชม. ลูกชายก็ร้องออกมาว่าเขาคงรอดตายและหายได้ จึงมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น จึงกินน้ำนมธัญพืชและน้ำผักปั่นเพิ่มเป็น ๖-๗ แก้วทุกวัน นอกจากนั้นยังแช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็นอย่างละ ๓ นาที เป็นการทำวารีบำบัดควบคู่ไปด้วย และนอนหัวค่ำ ๓ ทุ่ม ทำจิตใจให้เบิกบาน นั่งสมาธิ ทำได้ ๑ เดือน ไปเจาะเลือดผลปรากฏว่าค่า อี.เอส.อาร์ ลดลงเหลือ ๑๒ มม./ชม.เท่าคนปกติ
สุดท้ายได้ไปเจาะเลือดตรวจอีกครั้งก่อนไปเรียนต่อวัดค่าอี.เอส.อาร์ได้ ๑ มม./ชม. เม็ดเลือดแดงจาก ๓๓ % เป็น ๔๘ % เม็ดเลือดขาวจาก ๑๓,๕๐๐ ก็เหลือ ๖,๕๐๐ พอไปเรียนที่ศิริราชได้ ๕-๖ เดือนก็บริจาคเลือดได้ ญาติพี่น้องพ่อแม่แม้เพื่อนหมอด้วยกันก็รู้สึกเหมือนมีปาฏิหาริย์ ใครจะคาดคิดว่าจะหายจากโรคด้วยอาหารเหล่านี้
ถ้าใครสนใจอยากสอบถามข้อเท็จจริงหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมติดต่อคุณศิราณี คุณแม่ของคุณศักดา เอกัคคตาจิต ได้เธอยินดีให้ข้อแนะนำเป็นวิทยาทาน เพราะเธอเคยทุกข์ตรมเรื่องนี้มาแล้วรู้สึกเห็นใจผู้ป่วยรายอื่นๆที่ประสบเคราะห์กรรม
เหมือนเธอ ติดต่อได้ที่ ๐๔๔-๖๑๕-๐๔๐ , ๐๒-๓๙๔-๔๒๖๗
น้ำนมธัญพืช
มีธัญพืช ๓ ชนิด คือ เม็ดบัว ลูกเดือย ข้าวกล้อง อย่างละ ๑ ส่วน
วิธีทำ แช่เม็ดบัวและลูกเดือยในน้ำร้อน ประมาณ ๒ ชั่วโมง แล้วนำไปต้มจนสุกประมาณครึ่งชั่วโมง หุงข้าวกล้องจนสุกแล้วเอามาอย่างละ ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม ปั่นจนเข้ากันแล้วใส่น้ำสะอาดต้มสุกพออุ่นพร้อมกัน จะได้นมธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหาร ดื่มได้เลย แต่มันจะจืด ถ้าใส่นมไวตามิลคนให้เข้ากันจะได้นมธัญพืชที่หวานตามจำนวนที่ใส่ตามต้องการ
น้ำผักปั่น
ผักที่นำมาปั่นประกอบด้วย ผักกาดหอม บำรุงกล้ามเนื้อกระดูก เส้นเอ็น และทำให้ปอดแข็งแรง คึ่นช่าย ช่วยลดการหมุนเวียนของโลหิตและหลอดเลือดให้แข็งแรง มะเขือเทศ บำรุงเม็ดเลือดให้แข็งแรง หอมใหญ่ ทำให้หัวใจแข็งแรง น้ำผึ้ง ให้พลังงานรวม หรือน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำอ้อยสด มะนาว ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน แอปเปิ้ล หรือกล้วยน้ำว้า ชมพู่ สับประรด แตงโม ลูกท้อ แคนตาลูป และน้ำเปล่า
วิธีล้างผัก- ผลไม้ เอาน้ำส้มสายชู ๑ ช้อนโต๊ะต่อน้ำ ๑ ลิตร แช่ผักผลไม้ นาน ๔๕ นาที หลังจากนั้นล้างให้สะอาด
อัตราส่วนพืช-ผักที่นำมาปั่น
ผักกาดหอม ๒ ใบ คื่นฉ่าย ๒ ก้าน มะเขือเทศ ๑ ลูก หอมใหญ่ ๑/๔ ลูก น้ำผึ้ง ๒-๓ ช้อนโต๊ะ มะนาว ๑ ลูก
แอปเปิ้ล ๑ ลูก หรือกล้วยน้ำว้า ชมพู่ สับประรด แตงโม ลูกท้อ แคนตาลูป พอประมาณ คำนวณเท่าแอปเปิ้ล ๑ ลูก
และน้ำเปล่า ๒-๔ แก้ว
นำส่วนผสมทั้งหมดเข้าเครื่องปั่น ปั่นเสร็จให้กินได้เลย วันละ ๔-๕ แก้วยิ่งดี
พระอาจารย์เฉลิมกับงานส่งเสริมอาชีพชุมชน อาทิ การทำบล็อกประสาน และการทาสีลายไม้
ครอบครัวเคน หรือนายมณเฑียร พิทักษ์รัตน์ ช่างทำอิฐบล็อกประสาน ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสงจากซ้าย เคน น้องเค้ก(ลูกสาว) และหนิง(ภรรยา) ภาพและบทความบางตอนจากhttp://www.worldvision.or.th/tx_activities_brickman.html อิฐบล็อกประสานฝีมือดีจากเคนส่วนใหญ่ ถูกนำไปใช้ในสิ่งปลูกสร้างของวัดพุทธเกษตรโนนเมือง อย่างล็อทแรกถูกนำไปประเดิมสร้างกำแพงวัด ต่อมาสร้างกุฏิและเมรุ จนสิ่งก่อสร้างในวัดล้วนเป็นสีเอิร์ธโทน
"แต่ถ้ามีใครสนใจซื้อ หลวงพ่อก็ขายนะ" เคนบอก
ผู้ช่วยของเคนไม่ได้มีแค่ภรรยาเท่านั้นนะจะบอกให้ ในวันหยุดจะมีแรงงานพิเศษอีกหนึ่งแรงมาช่วย นั่นคือน้องเค้กหรือนางสาวมัตฑิชา พิทักษ์รัตน์ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเคน เด็กในความอุปการะของโครงการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืนในพื้นที่ อ.ขามสะแกแสง
ช่างผู้อุทิศแรงกายแรงศรัทธาเพื่อหลวงพ่อ ได้ออกแบบผนังมณฑปหลวงพ่อเพชร ให้เป็นลายไม้ที่สวยงามสะดุดตา ซึ่งผู้เขียนยังไม่เคยพบเห็นที่ใดเลยที่นี่อาจเป็นที่เดียวในโลกก็ได้ ช่างบอกว่างานต่อไปก็คงทาสีให้เป็นโบสถ์ลายไม้..สาธุ























































































































































































































































































สอนการทำ EM balls

เมื่อวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา โรงเรียนขามสะแกแสงนำโดย ผ.อ.คำรณ ทศสิริวัฒน์ ได้เชิญวิทยากรกิติมศักดิ์ ครูสิน หวังภูกลาง และครูวังภูไพร หวังภูกลาง มาสอนการทำ EM balls ให้แก่นักเรียน ทั้งนี้โรงเรียนได้รับการสนับสนุนด้านวัสดุฝึกเช่นรำหยาบ รำละเอียด จากผู้บริจาค และรับการสนับสนุนน้ำหมักชีวภาพจำนวน 20 ถังจากพระครูศีลวราภรณ์ (หรืออาจารย์เฉลิม วัดโนนเมือง ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสง)ตามโครงการปั้น EM balls เพื่อส่งไปบรรเทาความสกปรกของน้ำที่ขัง และเน่าเหม็นตามเขตอุทกภัย อาจารย์เฉลิม เจ้าอาวาสวัดโนนเมือง ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสง ได้บริจาคน้ำหมักชีวภาพจำนวน 20 ถังๆละประมาณ 20 ลิตร (มูลค่าประมาณ 80,000 บาท) เพื่อใช้ในการทำ EM balls ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย สาธุ..การผลิตก้อนบำบัดน้ำเสียEM-Balls ที่ว่านั้น EM มาจากคำว่า Effective Micro-organisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ โดยต้นกำเนิดนั้นมาจากทางฝั่งประเทศญี่ปุ่น โดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรโอะ ฮิงะ (TEROU HIGA) แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาว่า ได้ทดลองใช้เทคนิคทางชีวภาพในการปรับสมดุลของสิ่งแวดล้อม โดยอาศัย กลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง อย่างเช่น แลกโตบาซิลัส เพนนิซีเลี่ยม ไตรโคเดอมา ฟูซาเรียม สเตรปโตไมซิส อโซโตแบคเตอ ไรโซเบียม ยีสต์ รา เป็นต้น
ซึ่งข้อดีของมันคือ เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ และมีพลัง “แอนติออกซิเดชั่น” ซึ่งโดยปรกติแล้ว หัวเชื้อ EM ที่ได้มักจะเป็นของเหลวสีน้ำตาลกลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ แต่เนื่องจาก การใช้ EM ที่เป็นแบบน้ำนั้นจะทำให้น้ำไหลไปกับสายน้ำ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในพื้นที่น้ำไหล เหมือนดั่งสภาวะน้ำท่วมในตอนนี้
วัสดุที่ต้องการใช้ในการ EM Ball ได้แก่
1. - รำละเอียด (Fine Bran) 2 ก.ก.
2. - รำหยาบ (Bran) 1 ก.ก.
3. - ทราย (Fine Sand) 1 ก.ก. 4. - หัวเชื้อ EM 1-4 แก้ว
ขวดนี้คือน้ำหมักชีวภาพมะกรูดที่ครูสินหมักไว้ คือจะใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากอะไรก็ได้ทั้งสิ้น
ขั้นตอนการทำ 1.เทน้ำหมักชีวภาพ(ที่หมักจากเศษอาหารและกากน้ำตาล)ใส่แก้ว
ครูสิน(วิทยากร)กำลังดมกลิ่นของน้ำหมักชีวภาพ อืม....หอม...ถ้าใครไม่อยากเป็นมะเร็งก็ดื่มทุกวันนะ ผสมกับน้ำ 1 แก้วต่อน้ำชีวภาพ 2 ช้อนแกง เอ้าเทส่วนผสมที่แห้งทุกอย่างลงในถังแล้วคนให้เข้ากัน 2.จากนั้นก็เทน้ำชีวภาพลงไป ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าน้ำน้อยไป คือมีความแฉะน้อยก็เทน้ำหมักชีวภาพใส่ไปอีก สรุปว่าใช้ประมาณ 4 แก้ว ลองปั้นดูถ้าปั้นได้ก็เป็นอันใช้ได้
เริ่มการปั้น ทำให้ได้ขนาดลูกเทนนิสนะ...เสียงครูสินบอกนักเรียน จากนั้นก็ไปหาที่เหมาะๆเพื่อช่วยกันปั้นซ้ายสุด วิทยากรครูสินและครูวังภูไพร หวังภูกลาง กำลังเล่าประสบการณ์จากการใช้ EM balls ท่าน ผ.อ.คำรณ ทศสิริวัฒน์ ก็ได้ร่วมแรงปั้นเหมือนกันเมื่อปั้นเสร็จให้ผึ่งไว้ในที่ร่มจนลูก EM แห้ง ใช้เวลาประมาณ 3 วัน อิ่มบุญกับการทำ EM balls บ้างแล้ว เดี๋ยวคณะวิทยากรจากโรงเรียนขามสะแกแสง นำโดยท่านผู้อำนวยการคำรณ ทศสิริวัฒน์ ครูสิน ครูวังภูไพร หวังภูกลาง และนักเรียนโรงเรียนขามสะแกแสง จะไปร่วมกันผลิตและสอนการทำ EM balls ณ โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 54นี้โดยบุคคลากรจากโรงเรียนใน สพม.31 จะมาช่วยกันปั้น EM balls ให้ได้ 100,000 ลูกเพื่อส่งไปช่วยดับกลิ่นและปรับสภาพน้ำในมหาอุทกภัยครั้งนี้